Study English and work part time in Dubai เรียนภาษาและทำงานพาร์ทไทม์ที่ดูไบ ดีจริงหรอ? 

สวัสดีค่ะ น้องๆ ทุกคนวันนี้พี่เอลซ่าจะมาให้ข้อมูล Study in Dubai เรียนภาษาและทำงานพาร์ทไทม์ที่ดูไบ ดีจริงหรอ? และแชร์ประสบการณ์ตรงจากที่เคยไปเรียนที่ ES Dubai และได้ใช้ชีวิตอยู่ที่ดูไบมาค่า

หลายๆ คนคงทราบกันเป็นอย่างดีสำหรับการเรียนต่อต่างประเทศ ไม่ว่าจะเรียนภาษาอังกฤษที่ออสเตรเลีย หรือ เรียนภาษาอังกฤษที่นิวซีแลนด์ แต่อาจจะยังไม่เคยได้ยินเรื่องการเรียนภาษาอังกฤษที่ดูไบ วันนี้พี่เอลซ่าขอมาเปิดโลกให้น้องๆ ว่าการเรียนภาษาอังกฤษที่ดูไบเป็นยังไง การเรียนการสอนเหมือนที่ประเทศอื่นหรือไม่ ค่าแรงและค่าครองชีพคุ้มมั้ย แล้วอากาศที่ดูไบร้อนแค่ไหน และมีการเตรียมตัวยังไงบ้างหากว่าสนใจจะไปเรียน 

ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับดูไบกันก่อนเลยค่ะ เชื่อว่าหลายๆคนอาจจะเข้าใจว่าดูไบเป็นชื่อประเทศ แต่จริงๆแล้วดูไบเป็นชื่อเมืองๆ นึงในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (United Arab Emirates) หรือที่เราเรียกกันว่า UAE นั่นเอง นี่ก็คือธงชาติสัญลักษณ์ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์นะคะ

Google (Noto Color Emoji - Unicode 15.1)

ใน UAE มีทั้งหมด 7 รัฐดังนี้  Dubai, Abu Dhabi, Ajman, Sharjah, Umm Al Quwain, Fujairah, และ Ras AI Khaimah คือที่ดูไบมีชาวต่างชาติเข้ามาอาศัยและลงทุนมากกว่า 80% เลย จากประสบการณ์ที่เห็นส่วนใหญ่แล้วจะเป็นประชากรจาก ประเทศ อินเดีย ฟิลิปปินส์ และฝรั่งตาน้ำข้าวจากหลากหลายประเทศ

เพราะฉะนั้นน้องๆ ไม่ต้องกังวลเลยว่าจะมีแต่ชาวอาหรับแล้วจะไม่ได้พัฒนาภาษา ที่นี่ต่างชาติเยอะเขาจะใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลักอยู่แล้วค่ะ เพียงแค่ว่าสำเนียงอาจจะมีหลากหลายให้ได้ฝึกฟัง ฮ่าๆ 

เอาล่ะ พี่จะเริ่มไปทีละหัวข้อ มาเริ่มทำความรู้จักกับดูไบไปพร้อมๆกันเล้ยย !!! 

  • วีซ่าผ่านง่าย
  • ไม่ต้องใช้หลักฐานการเงินหรือ Bank Statement
  • ไม่ใช้คะแนนภาษาอังกฤษ IELTS/TOEFL/TOEIC/DuoLingo
  • ทำงานพาร์ทไทม์ได้ไม่จำกัดชั่วโมง (Unlimited Part time Job)
  • มีโอกาสได้งานพาร์ทไทม์และฟูลไทม์สูง (Part time Job – Full time Job)
  • ได้พบปะเพื่อนต่างชาติ สร้างคอนเนคชั่นจากหลายประเทศทั่วโลก
  • Express English Language Training Center มี 4 สาขา Business Bay, Media City, Port Saeed, และ JLT
  • ES Dubai มี 2 สาขา JLT และ Knowledge Village

ส่วนตัวพี่เอลซ่ามองว่าถ้าตั้งใจจะไปเรียนอย่างเดียว และอยากจะประหยัดค่าใช้จ่ายแนะนำเป็นที่ Express English เลยค่ะ แต่ถ้าหากอยากไปเรียนและมีคนช่วยแนะนำในการหางาน ES Dubai จะตอบโจทย์มากกว่าเพราะทางสถาบันมี Career Office ช่วยแนะนำงานให้ไม่ว่าจะเป็นงานพาร์ทไทม์หรือฟูลไทม์ แถมยังช่วยน้องๆ แสกนเรซูเม่ก่อนสมัครอีกด้วยน้า 

อ่ะ เดี๋ยวจะหาว่าลำเอียงอวยแต่ ES Dubai เพราะเคยไปเรียนมา ถ้าให้พูดแบบกลางๆ คือขึ้นอยู่กับความพึงพอใจ งบประมาณ และจุดประสงค์ในการเรียนของน้องๆ แต่ทั้ง 2 ที่มีโลเคชั่นที่เดินทางสะดวกสบาย มีคุณครูที่ผ่านการอบรมทักษะการสอนภาษาอังกฤษ TESOL หรือ ได้ผ่านการสอบมาตรฐาน Qualified Teacher จากสถาบัน นอกจากนี้ทางสถาบันเองยังคัดเลือกอาจารย์ผู้สอนโดยส่วนมากเป็นเจ้าของภาษาโดยตรง หรือ Native Speaker จากประเทศอเมริกา และอังกฤษ รวมถึงการบริการที่ดีเยี่ยมจากทั้ง 2 สถาบัน หรือหากใครยังลังเลไม่รู้ว่าจะเรียนที่ไหนดีสามารถปรึกษากับทางพี่ๆทีม Naice ได้เลยค่ะ

ข้อมูลเพิ่มเติม:
https://expressenglish.ae/
https://esdubai.com/th/

การเรียนจะมีทั้งแบบ Intensive และ Semi-Intensive คอร์สเรียนมีทั้งแบบระยะสั้นและระยะยาว 2-52 สัปดาห์ และที่สำคัญสำหรับคนที่ไม่มีพื้นฐานภาษาอังกฤษมาก่อนก็สามารถเรียนได้ เพราะทางสถาบันจะมีให้สอบวัดระดับภาษาก่อนเริ่มเรียน ดังนั้นน้องๆไม่ต้องกังวลเลยว่าจะเรียนไม่ทันเพื่อน เพราะเราจะได้เรียนร่วมกับเพื่อนที่มีระดับภาษาเดียวกันในคลาส

ถ้าถามว่าการเรียนแตกต่างจากประเทศอื่นมั้ย อย่างเช่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ มาเลเซีย หรือแม้แต่ประเทศไทยเอง ส่วนตัวพี่เอลซ่ามองว่าอาจจะขึ้นอยู่แต่ละประเทศและแต่ละสถาบันด้วย อาจจะมีความแตกต่างในเรื่องของเวลาเรียน กิจกรรมต่างๆ หรือแม้แต่สไตล์การสอน ส่วนวันเรียนโดยปกติแล้วจะเรียน จันทร์-ศุกร์ เหมือนๆกันค่ะ พี่เอลซ่าจะยกตัวอย่างจากสถาบัน ES Dubai ที่พี่เคยไปเรียนเอง สำหรับคอร์สเรียน General English แบบ Intensive จะเรียนช่วงเช้าเวลา 9:00-11:45 (มีเบรคระหว่างคลาส 30 นาที) และเรียนต่ออีกคลาสช่วงเวลา 12:00-14:45 (มีเบรคระหว่างคลาส 30 นาที) ซึ่งทางสถาบันจะจัดคลาสตามผลวัดระดับภาษาของเราค่ะ แต่หากว่าเรียนไปแล้วเราต้องไปทำงานพาร์ทไทม์และต้องการเปลี่ยนเวลาเรียน ลองปรึกษากับทางสถาบันก่อนได้ค่ะ ที่นี่ค่อนข้างที่จะยืดหยุ่น flexible และเจ้าหน้าที่ใจดี ดูแลดีสุดๆ ค่า 

พูดถึงเรื่องเรียนกันไปแล้ว ต่อไปจะพูดถึงเรื่องการยื่นเอกสารและขั้นตอนการสมัครเรียนกันค่ะ

เอกสารที่ใช้ มี 3 อย่างเท่านั้น!

  1. Passport
  2. รูปถ่ายพื้นหลังสีขาว ขนาด 2×2 นิ้ว
  3. ใบสมัครเรียน
  1. กรอกใบสมัครเรียน
  2. รอ Offer letter จากทางโรงเรียนประมาณ 2-3 วัน
  3. เมื่อได้รับ Offer letter แล้ว ทำการจ่ายเงินค่าเรียน
  4. ทำวีซ่าและรอวีซ่าประมาณ 1 เดือน แล้วเตรียมบินได้เลยค่า

ต้องบอกว่าการทำงานพาร์ทไทม์ (Part time Job) ที่ดูไบ การจ่ายค่าตอบแทนมีหลากหลายแบบเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายแบบรายชั่วโมง รายวัน หรือจ่ายแบบเหมารายเดือน ขึ้นอยู่กับงานและนายจ้าง แต่เรทรายชั่วโมงประมาณ 200– 450 บาท ขึ้นอยู่กับงาน ทักษะภาษา และประสบการณ์ด้วย

ส่วนการทำงานฟูลไทม์ (Full time Job) ค่าตอบแทนประมาณ 20,000-35,000 บาท ต่อเดือน ส่วนใหญ่แล้วจะมีที่พักและอาหารให้ทานฟรี (ขึ้นอยู่กับสัญญาหรือข้อตกลงจากนายจ้าง) หากเราได้ทำการตกลงงานกับทางนายจ้าง ทางนายจ้างจะทำการออกเอกสารการทำงาน หรือ Work Permit ให้เรา สำหรับการทำงานระยะยาวค่ะ

เป็นคำถามยอดฮิตมากๆ ว่าหางานในดูไบยากมั้ย พี่เอลซ่าต้องบอกว่า ไม่ยาก ไม่ง่าย ขึ้นอยู่กับสกิลภาษาและสกิลการทำงานของเรา ต้องก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าคนที่ได้ภาษามีโอกาสหางานได้มากกว่า เพราะไม่ใช่มีการแข่งขันแค่กับคนไทย แต่ยังมีชาวต่างชาติจากประเทศอื่นๆที่หางานเหมือนกันค่ะ ส่วนตัวพี่เอลซ่าตอนที่ไปถึงดูไบลองหางานดู ภายใน 2 อาทิตย์ก็หางานได้เลย ฉะนั้นแล้วถ้าเรามีทักษะภาษาที่สื่อสารได้และมีความตั้งใจ ยังไงพี่เอลซ่าก็เชื่อว่าหางานได้แน่นอน แต่อันดับแรกใจต้องสู้ก่อน แล้วทุกอย่างจะง่ายขึ้น

งานส่วนใหญ่ที่ดูไบจะเป็นงานโรงแรม ร้านอาหาร และงานบริการ หากใครมีทักษะทางด้านนี้มาอยู่แล้ว มีแพลนอยากจะไปเรียนพัฒนาภาษาและทำงานยาวๆที่นั่น บอกเลยว่ามีโอกาสสูงมากที่จะได้งานค่ะ

ถามว่าค่าแรงคุ้มค่าครองชีพมั้ย ส่วนตัวมองว่าถ้าเราไม่ได้ใช้จ่ายอะไรมากมายก็สามารถเก็บเงินได้ค่ะ

ค่าอาหาร ค่าเดินทาง และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ประมาณ 10,000-20,000 บาท/เดือน (อาจจะถูกหรือแพงกว่านี้ขึ้นอยู่แต่ละบุคคล)

ค่าที่พัก ประมาณ 10,000-25,000 บาท/เดือน ซึ่งรูปแบบของห้องพักจะมีหลากหลาย เช่น ห้องพักเดี่ยว, ห้องพักแบบแชร์ 2-4 คน หรือห้องพักแบบห้องน้ำแยก-รวม (ทั้งนี้น้องๆ สามารถเลือกห้องพักได้ตามความต้องการได้เล้ย)

(ตัวอย่างแบบห้องพักเดี่ยว)

(ตัวอย่างแบบห้องพักสองคน)

การเดินทางที่ดูไบสามารถเดินทางโดยใช้รถไฟฟ้า MRT, รถแทรม Tram, รถส่วนตัว, แท็กซี่, จักรยาน และ สกู้ดเตอร์ แต่จากประสบการณ์ของพี่เอลซ่าเองนั้น นักศึกษาต่างชาติ จะใช้รถไฟฟ้าและรถแทรมเป็นส่วนมาก ไม่ค่อยเห็นคนขับมอเตอร์ไซค์ ยกเว้นคนขับส่งอาหารค่ะ 5555

จะไปต่างประเทศทั้งที ส่วนมากน้องๆก็จะกังวลเรื่องสภาพอากาศ เพราะพอนึกถึงเมืองนอก ไม่หนาวมากก็ร้อนมาก น้องๆ ส่วนมากก็จะกังวลว่า เราจะอยู่ได้ไหม มันจะเป็นยังไง เดี๋ยวพี่เอลซ่าจะมาแชร์ให้น้องๆ ทราบว่าที่เมืองดูไบมีสภาพอากาศเป็นยังไงกันบ้างนะคะ

เมืองดูไบในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (Dubai, United Arab Emirates) มี 2 ฤดูกาล คือ ฤดูร้อนและฤดูหนาว แบบจุกๆเลยล่ะ !

ฤดูร้อน: พฤษภาคม-กันยายน

ช่วงกลางวัน: 40-50 องศา

ช่วงกลางคืน: 30-40 องศา

ฤดูหนาว: ตุลาคม-มีนาคม

ช่วงกลางวัน: 20-30 องศา

ช่วงกลางคืน: 15-20 องศา

ใครมาถึงดูไบแล้ว ไม่ได้มา Burj Khalifa ถือว่ายังมาไม่ถึง เพราะไม่ว่าใครที่มาดูไบต้องมาเช็คอินและถ่ายรูปที่นี่กันแทบทุกราย จุดเด่นของตึกคือความใหญ่และสูง มองเห็นวิวได้แบบสุดปัง ความสูงของตึกประมาณเกือบ 3,000 ฟุตเลยค่ะ ซึ่งเป็นความสูงของตึกที่สูงที่สุดในโลก ณ ปัจจุบัน ดีไซน์ของตึกออกแบบผสมผสานสถาปัตยกรรมแบบอิสลามและสถาปัตยกรรมแบบโมเดิร์น ใช้เวลาในการก่อสร้าง ตั้งแต่ปี 2004-2009 งบประมาณในการสร้างตึกนี้มากกว่า 1,500 ล้านดอลล่าร์ โดยจุดชมวิวจะอยู่ที่ชั้น 124, 125 และ ชั้น 148 ซึ่งคุณสามารถขึ้นไปยังชั้นดังกล่าวได้ด้วยลิฟท์ โดยใช้เวลาเพียง 35 วินาทีเท่านั้น ซึ่งเป็นลิฟท์ที่มีความเร็วที่สุดในโลกนั่นเอง

Museum of the future เป็นอีกหนึ่งสถานที่ ที่หลายๆคนชอบไปถ่ายรูปกัน ซึ่งคอนเซปต์การดีไซน์มาพร้อมกับความหมายที่ลึกล้ำ เช่น รูปทรงวงกลม (Circular Design) นั้น สื่อถึงสัจธรรมความเป็นมนุษย์, เนินดินสีเขียว พื้นที่ตั้งของอาคาร สื่อถึงโลก และ ส่วนช่วงว่างตรงกลาง สื่อถึงโลกอนาคตที่มนุษย์อย่างเราไม่สามารถรับรู้ได้ ความสูงของพิพิธภัณฑ์สูงถึง 77 เมตรจากพื้นดิน Museum of the future เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จะบอกเล่าเรื่องราวของโลกเราในอนาคตที่อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมในปี ค.ศ 2071 และนอกจากที่สถานที่แห่งนี้จะเป็นพิพิธภัณฑ์แล้ว ที่แห่งนี้ยังเป็นศูนย์การทดสอบในการสร้างนวัตกรรมต่างๆ เพื่อที่จะแก้ไขปัญหาของสิ่งแวดล้อม และ สังคมให้กับคนรุ่นใหม่  อีกด้วย

เกาะ Palm Jumeirah หรือ ที่รู้จักกันดีในนาม “หมู่เกาะต้นปาล์ม” เป็นหมู่เกาะที่มีหน้าตาคล้ายกับก้างปลา หรือ ต้นปาล์ม ซึ่งมีใบแยกออกมาเป็น 7 แฉก เกาะนี้ไม่ได้เกิดจากธรรมชาติแต่เกิดจากฝีมือของมนุษย์ล้วนๆเลยค่ะ ใช้เวลาก่อสร้างตั้งแต่ปี 2001-2006 ความน่าทึ่งคือไม่มีการก่อสร้างโดยใช้โครงสร้างเหล็กหรือคอนกรีตเลย ใช้แค่หินและทรายเท่านั้น

สถานที่แห่งนี้อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 24 กิโลเมตร สามารถนั่งแท็กซี่ไปชมความงามได้แบบชิลๆ จุดชมวิวที่ว้าวที่สุดคือต้องขึ้นไปที่ชั้น 52 ของตึก Plam Tower ค่ะ คุณจะได้ดื่มด่ำกับวิวได้แบบ 360 องศาเลยทีเดียว แต่วิวสวยขนาดนี้ก็คงไม่ได้ชมฟรีๆน่ะสิ เขามีค่าเข้าด้วยน้า ราคาอยู่ที่ 100 AED (แต่ในช่วงเวลา 15:00 – 18:00 นั้น จะมีราคาเข้าอยู่ที่ 158 AED) ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่วิวสวยมากๆเลยค่ะ ไหนๆก็มาแล้ว แนะนำไปช่วงเวลานี้นะคะแล้วจะไม่ผิดหวัง

จะบอกว่ากิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมที่ชอบมากที่สุดเลยค่ะ สายบู้ห้ามพลาด! คุณจะได้นั่งรถจิ๊บหรือรถโฟร์วีล ตะลุยทะเลทรายด้วยความเร็วสูงในความดูแลของคนขับรถผู้เชี่ยวชาญของดูไบเขานั่นเอง ได้ความรู้สึกเหมือนเล่นเครื่องเล่นที่สวนสนุกเลยค่ะ 5555 นอกจากกิจกรรมนั่งรถแล้วยังมีกิจกรรมขี่อูฐ เล่นสกีทะเลทราย และชมการแสดงมากมาย ไม่ว่าจะเป็น การแสดงระบำหน้าท้อง, การเต้นทานูร่า, หรือ การแสดงระบำไฟ เขามีอาหารพื้นเมืองแบบบุฟเฟต์ให้ทานระหว่างชมการแสดงด้วยน้า

Desert Safari ตั้งอยู่ในหลายโลเคชั่นเลยค่ะ แต่โซนที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากที่สุดนั่นคือ บริเวณ al awir desert แอบกระซิบว่าตอนที่ไปวิวสวยมากกก ได้เห็นพระอาทิตย์และพระจันทร์อยู่ในเวลาเดียวกัน เกิดมาเพิ่งเคยเห็น เป็นอะไรที่มหรรศจรรย์มากเลยค่ะ แนะนำเลยว่าไปถึงดูไบแล้ว ต้องจองทริปทะเลทรายด่วนๆ ราคาประมาณ 100 AED (ราคาขึ้นอยู่แต่ละที่)

Dubai mall เป็นห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลก มีสินค้าแบรนด์เนมหลายแบรนด์แบบจุกๆ มีพื้นที่กว่า 440,000 ตารางฟุต ภายในห้างเต็มไปด้วยร้านค้ากว่า 1,200 ร้าน ร้านอาหาร 200 ร้าน โรงแรม 5 ดาว อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งของแหล่งบันเทิงหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น โรงภาพยนตร์ม ลานสเก็ตน้ำแข็ง และที่พลาดไม่ได้อย่างพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ (Dubai Aquarium & Underwater Zoo) จะบอกว่าห้างใหญ่มากจริงๆค่ะ ต้องจำทางดีๆเลย เพราะทางนี้ไปเดินหลงมาแล้ว ฮ่าๆ  ใครที่อยากไปสัมผัสความอลังการต้องไปเช็คอินซักครั้งให้โลกได้รับรู้ว่าเรามาถึงแล้วค่ะ

โอเค… สรุปโดยภาพรวมสำหรับตัวพี่เอลซ่าเองแล้วคิดว่าดูไบเป็นเมืองที่เปิดโลกมากๆ ได้ลองเรียนและใช้ชีวิตที่นั่นก็รู้สึกว่าก็โอเคเลยนะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคนด้วยว่าชอบหรือไม่ชอบ ต้องลองไปสัมผัสเอง ฮ่าๆ

Leave a Replay

เกี่ยวกับ Naice

NEW AMBITIONS ศูนย์แนะแนวการศึกษาต่อต่างประเทศ เราช่วยดูแลและเตรียมการวางแผนการศึกษาเพื่อเปลี่ยนคุณภาพชีวิตของทุกคน ภารกิจและความมุ่งมั่นของเรากว่า 20 ปี คือการสร้างความมั่นใจและอิสระให้กับผู้ที่สนใจศึกษาต่อ ไม่ว่าจะอายุหรือเชื้อชาติใดๆ

ประเทศไทย

ติดตามเรา

ประเทศเนปาล

ติดตามเรา

โพสต์ล่าสุด

Q&A

Do you have a dream Destination on your mind?

Let's help you choose the best suited option! Get Free Counselling with our Counsellors and plan your study abroad journey

Leave Us Your Info

Welcome

Sign up to get all thefashion news, website updates, offers and promos.